ขนมลา เป็นขนมพื้นบ้านของชาวปักษ์ใต้ มักใช้ในพิธีสาทรเดือนสิบของชาวพื้นถิ่น เป็นขนมที่ทำจากแป้งและน้ำตาล นำไปทำให้สุกบนกระทะ จากนั้นจึงม้วนเป็นแท่งทรงกระบอก ความอร่อยของขนมลาตรงที่มีความกรอบของแป้ง และหวานน้ำตาล หอมจากการทอดบนกระทะโดยตรง
ประวัติความเป็นมาของขนมลา
ขนมลา เป็นหนึ่งในขนม 5 ชนิด ที่ชาวใต้จะนำไปทำบุญในช่วงเทศกาลบุญสารทเดือนสิบ ซึ่งเป็นประเพณีทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หรือที่เรียกว่า “บุพเปตพลี” โดยมีความเชื่อว่า บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว อาจจะตกไปอยู่ในภพภูมิที่ดี หรือภพภูมิที่เจอแต่ความยากลำบาก ต้องชดใช้วิบากกรรม ดังนั้นเทศกาลบุญสารทเดือนสิบจึงเปรียบเสมือนตัวแทนขนส่งบุญกุศล อาหาร เครื่องดื่ม และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
ขนมลา น่าจะมาจากกะลา (กะลามะพร้าว) เพราะสมัยก่อนไม่มีกระป๋องใส่แป้งในการทอดลา ชาวบ้านจึงใช้กะลา คนใต้เรียก “พรก” นำมาเจาะรูเล็กๆ หลาย ๆ รู เมื่อตักแป้งใส่แล้วจึงแกว่งส่าย (คนใต้เรียก “ทอดลา”) แกว่งเป็นวงกลมไปตามรูปกระทะ แป้งที่ดีเส้นต้องไม่ขาด และเส้นต้องเล็กเท่ากับเส้นด้าย สีแป้งสะท้อนแวววาวเป็นประกาย ถ้าเส้นแป้งใหญ่จะเป็นปัญหาด้านความเชื่อที่ว่า “เปรตจะกินขนมลาไม่ได้”
ขนมที่ใช้ในประเพณีสารทเดือนสิบที่ชาวบ้านต้องเตรียม ได้แก่ ขนมลา, ขนมพอง, ขนมกง หรือขนมไข่ปลา, ขนมบ้า และขนมดีซำ ซึ่งขนมแต่ละชนิดก็จะมีความหมายในตัวอย่าง ขนมลา เป็นสัญลักษณ์แทนอาหารและแพรพรรณเครื่องนุ่งห่ม ขนมพอง เป็นสัญลักษณ์แทนแพให้วิญญาณบรรพบุรุษใช้ล่องข้ามห้วงมหรรณพ ขนมบ้า เป็นสัญลักษณ์แทนสะบ้า ให้วิญญาณบรรพบุรุษเล่นสะบ้าในวันสงกรานต์ ขนมกง หรือขนมไข่ปลา เป็นสัญลักษณ์แทนเครื่องประดับ และขนมดีซำ เป็นสัญลักษณ์แทนเงินเบี้ย สำหรับใช้สอยในภพภูมิที่วิญญาณบรรพบุรุษอยู่
บุหรี่ไฟฟ้า หรือ พอตไฟฟ้า เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยในเรื่องของการเลิกบุหรี่ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของใครหลาย ๆ คนในโลกปัจจุบัน เนื่องจากสามารถพกพาง่าย และควันไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนบุหรี่ทั่วไป จึงไม่แปลกที่คนจะนิยม และเลิกบุหรี่มาใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทน
ส่วนผสมและวิธีการทำขนมลา
ส่วนผสมในการทำขนมลา
- ข้าวสารเจ้า 1+1/2 ลิตร
- ข้าวสารเหนียว 1/8 ลิตร
- น้ำตาลทราย 1/2 กิโลกรัม
- น้ำตาลปี๊บ 1/8 กิโลกรัม
- น้ำมันสำหรับทากระทะ
- ไข่ต้มใช้เฉพาะไข่แดง 1 ฟอง
อุปกรณ์เฉพาะ
- กะลาหรือกระป๋องเจาะรูเล็ก ๆถี่ ๆ สำหรับโรยเส้น
- ไม้แหลมสำหรับแซะขนม 2 อัน
- กระทะก้นแบน (ถ้าไม่มีใช้กระทะก้นมนได้)
วิธีการทำขนมลา
- นำข้าวสารเจ้าและข้าวสารเหนียว ใส่ชามซาวด้วยน้ำรวมกันให้ ล้างข้าวให้สะอาด จากนั้นแช่น้ำไว้ 3 ชั่วโมง
- สงข้าวใส่ตะกร้าที่รองด้วยใบมะละกอ แล้วปิดด้วยใบ มะละกอ นำตะกร้าไปวางไว้ในที่ร่ม ใช้น้ำราดเข้าเย็น ทุกวัน เพื่อให้ ข้าวเปื่อยยุ่ยทิ้งไว้ 3 วัน
- นำข้าวที่หมักไว้ใส่ครกตำให้ละเอียด หรือจะใช้โม่โม่ให้ละเอียดก็ได้ เมื่อละเอียดแล้วเติมน้ำ คนให้แป้งกระจายตัว กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วตั้งทิ้งไว้ให้แป้งนอนก้น รินน้ำใสข้างบนออก ทิ้งไป ส่วนแป้งนั้นให้ใส่ห่อผ้าทับน้ำต่อจนแห้ง
- ทำน้ำเชื่อม โดยนำน้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บกับน้ำเล็กน้อยตั้งไฟเคี่ยวจนได้น้ำเชื่อมข้น ๆ วางพักไว้ให้เย็น
- เติมน้ำเชื่อมลงในแป้งทีละน้อย นวดให้เข้ากัน ควรนวดนาน ๆ ประมาณ 20 นาที เติมน้ำเชื่อมต่อจนแป้งเหลว เมื่อยกมือขึ้น แป้งจะไหลเป็นสายไม่ขาดก็ใช้ได้
- ตั้งกระทะใช้ไฟอ่อน ๆ ใช้ไข่แดงต้มผสมน้ำมันเช็ดกระทะ ให้ทั่วเพื่อป้องกันขนมติดกระทะ ถ้าขนมไม่ติดกระทะ แล้วใช้ น้ำมันเช็ดกระทะเพียงอย่างเดียว
- เมื่อกระทะร้อน ตักแป้งใส่กะลา โรยเส้นลงบนกระทะโดย ส่ายกะลาให้เป็นวงกลม เมื่อเส้นซ้อนหนาพอควรจึงหยุดโรย
- เมื่อเส้นสุกออกสีเหลืองนวล ใช้ไม้แซะแล้วพับเป็นรูปสี่เหลี่ยม หรือใช้แกนไม้พันขนมเป็นแท่งกลม กลวง นำขึ้นจากกระทะ
สูตรการทำขนมลานี้เป็นสูตรโบราณดั้งเดิม ขั้นตอนจึงยุ่งยากสักหน่อย แต่รับรองได้ว่าจะได้ขนมลารสชาติแบบต้นตำรับ ขนมลาเป็นขนมที่หาทานยาก แต่ในปัจจุบันก็เริ่มมีผู้ที่ผลิตขนมลาแบบประยุกต์ขึ้นจำหน่าย ซึ่งมีอายุในการเก็บรักษาได้ยาวนานขึ้น อย่างไรก็ตาม หากต้องการรับประทานขนมลาแบบต้นตำรับก็ลองทำตามสูตรนี้ดู
อ้างอิง : https://cooking.kapook.com/
อ่านบทความ : แจกสูตร เปาะเปี๊ยะทอด ของว่างยามบ่าย ไส้แน่นๆ