5 สูตร ขนมบัวลอย หลากสไตล์ น่ากิน ทำง่าย อร่อยเด็ด

5 สูตร ขนมบัวลอย หลากสไตล์ น่ากิน ทำง่าย อร่อยเด็ด

บัวลอยถือเป็นขนมมงคลชนิดหนึ่ง อันเนื่องมากรูปลักษณ์และชื่อของขนม คือบัวที่ลอย ไม่มีวันจมนั่นเอง ในสมัยก่อน การปรุง ขนมบัวลอย ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแค่ปั้นแป้ง ต้มจนแป้งสุกลอยตัวขี้นมาช้อนขึ้นแล้วใส่ในน้ำกะทิที่เคี่ยวกับน้ำตาลมะพร้าว อาจจะเพิ่มเติมใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน หรือมันและเผือกต้มเพิ่มสีสันต์ แต่ด้วยความที่คนรุ่นใหม่มีความต้องการอะไรที่แปลกแตกต่างออกไป ทำให้เกิดสูตรบัวลอยแปลกใหม่เพิ่มขึ้น 

ประวัติความเป็นมาของ ขนมบัวลอย

บัวลอยเป็นขนมที่อยู่คู่สำรับกับข้าวไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดยทั่วไปจะทำขนมบัวลอยในงานเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญเลี้ยงพระ งานพิธีมงคล และงานพิธีการต่างๆ ด้วยชื่อและรูปลักษณ์อันเป็นมงคล อีกทั้งรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม ทำให้ขนมบัวลอยเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน

            ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ในประเทศจีนก็ได้จัดให้มีเทศกาลไหว้ขนมบัวลอย หรือ เทศกาลตังโจ่ย เป็นวันเปลี่ยนเทศกาลเข้าสู่ฤดูหนาว มีลักษณะเป็นวันที่พระอาทิตย์จะส่องแสงสั้นที่สุดหรือวันที่เป็นจุดสูงสุดในฤดูหนาว โดยเทศกาลไหว้ขนมบัวลอย ถือเป็นเทศกาลสุดท้ายของชาวไทยเชื้อสายจีนในรอบหนึ่งปีปฏิทิน (ราวปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม) ซึ่งในเทศกาลนี้จะมีการทำขนมบัวลอย หรือ ขนมอี๋ เพื่อใช้ไหว้ฟ้าดิน ปึงเถ่ากง ตี่จู๋เอี๊ย (ศาลเจ้าที่) เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่อเทพเจ้าที่ได้ช่วยให้การดำรงชีวิตของสมาชิกในครอบครัวเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดทั้งปี และเพื่อขอพรให้ช่วยคุ้มครองคนในครอบครัวอีกด้วย

             สำหรับขนมบัวลอยหรือขนมอี๋ ทำจากแป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำต้มสุกจนเข้าที่และปั้นเป็นเม็ดกลม ๆ เล็ก ๆ นิยมทำเป็นสีชมพูและสีขาว เมื่อปั้นเสร็จแล้วจึงนำลงไปต้มในน้ำเดือด คล้ายกับวิธีการทำขนมบัวลอยน้ำกะทิของคนไทย แต่ขนมอี๋จะใช้น้ำเชื่อมที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลทรายขาวหรือน้ำตาลทรายแดงแทนน้ำกะทิ ที่สำคัญจะต้องมีขนมอี๋ลูกใหญ่ที่เรียกว่า อีโบ้ ใส่ลงไปในถ้วยขนมอี๋ที่ใช้ไหว้ถ้วยละหนึ่งลูก

            ลักษณะกลมของขนมอี๋ และชื่อของขนมนั้นสื่อความหมายถึง ความกลมเกลียวกันของคนในครอบครัว สีแดงและสีชมพู สื่อความหมายถึง ความเป็นมงคล ความโชคดี นอกจากนี้ ขนมอี๋ ยังถือเป็นขนมมงคลของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่นิยมใช้ในงานแต่งงานอีกด้วย

เผย 5 สูตร ขนมบัวลอย ยุคใหม่ อร่อยล้ำ นำยุค

ขนมบัวลอยสายรุ้ง

บัวลอยสายรุ้งได้ชื่อมาจากตัวของบัวลอยที่ผสมสีต่างๆ รวมทั้งสิ้น 7 สี ทำให้ดูสวยงามเหมือน 

อัญมณีและเป็นมงคล เหมาะกับงานพิธีมงคลต่างๆ อีกทั้งมีส่วนผสมจากธรรมชาติอีกด้วย

ส่วนประกอบในการปรุงบัวลอยสายรุ้ง

ส่วนผสมตัวแป้ง

1. แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม

สำหรับสีที่ใช้ผสมกับตัวแป้งที่นวด ใช้สีจากธรรมชาติ ดังนี้

สีเขียวมาจากน้ำคั้นใบเตย

สีเหลืองมาจากฟักทองนึ่ง

สีขาวมาจากเผือกนึ่ง

สีส้มมาจากแครอทต้มสุก

สีชมพูมาจากน้ำคั้นหัวบีทรูท

สีฟ้ามาจากน้ำคั้นดอกอัญชัญ

สีม่วงมาจากน้ำคั้นกระหล่ำปลีม่วง

ส่วนผสมน้ำกะทิ

1. กะทิ 1,500 มล.

2. น้ำตาลทราย 150 กรัม

3. น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลมะพร้าว 150 กรัม

4. เกลือ 1 ช้อนชา

5. ใบเตย 10 ใบ

วิธีการทำตัวแป้ง

  1. นำแป้งข้าวเหนียวผสมกับส่วนผสมน้ำคั้นผักหรือผักนึ่งที่เราได้เตรียมไว้ นวดผสมให้เข้ากันหากแป้งแห้งเกินไป ค่อยๆเติมน้ำและนวดต่อไปจนแป้งจับเป็นเนื้อเดียวกัน และไม่ติดมือขณะนวด
  1. เมื่อได้ส่วนผสมของตัวแป้งแต่ละสีแล้ว นำมาปั้นเป็นลูกกลมขนาดพอเหมาะ จนหมดแป้งแต่ละสี หากแป้งติดมือให้ใช้แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งข้าวโพดทาที่ฝ่ามือก่อนนวดแป้ง
  1. เมื่อปั้นแป้งจนหมดแล้ว ตั้งน้ำต้มจนน้ำเดือด ค่อยๆใส่แป้งบัวลอยลงต้ม จนแป้งสุก สังเกตได้จากแป้งจะลอยตัวขึ้นมา
  1. เมื่อตักแป้งขี้นมาแล้วให้นำใส่ในน้ำสะอาด กันแป้งติดกันเป็นก้อน เมื่อแป้งหายร้อนแล้วจึงช้อนขึ้นจากน้ำ พักไว้ รอทำน้ำกะทิ

วิธีปรุงน้ำกะทิ

  1. ใส่กะทิสด น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ เกลือ และใบเตย ลงในหม้อนำขึ้นตั้งไฟกลางหรืออ่อน เคี่ยวไปเรื่อย ๆจนส่วนผสมเดือด แต่อย่าให้เดือดพล่าน กะทิจะแตกมัน พอใบเตยเปลี่ยนสีตักขึ้น ปิดไฟ ยกลง

วิธีการเสิร์ฟ

เมื่อได้ส่วนผสมทั้ง 2 ส่วนแล้ว ตักตัวแป้งบัวลอยใส่ถ้วย ตามด้วยน้ำกะทิที่เตรียมไว้ เสิร์ฟตอนอุ่นๆ

ขนมบัวลอยทุเรียน

ฤดูกาลของทุเรียนมาแล้ว วันนี้เรามีเมนูบัวลอยสุดน่ารัก ที่ไม่ธรรมดามานำเสนอ ด้วยแป้งบัวลอยที่เหนียวนุ่ม สอดไส้ด้วยเนื้อทุเรียนแบบจัดเต็ม ปั้นเป็นรูปทรงทุเรียนและไข่ดาวสุดน่าเอ็นดู ประกอบกับน้ำกะทิหอม มัน หวาน เค็มกำลังดี คนรักทุเรียนต้องห้าม…พลาด

ส่วนประกอบในการปรุงบัวลอยทุเรียน

ส่วนผสมตัวแป้ง

  1. แป้งข้าวเหนียว 330 กรัม
  2. กะทิสด 100 กรัม
  3. น้ำเปล่า 200 กรัม
  4. เนื้อทุเรียนหั่นชิ้นสำหรับไส้
  5. เนื้อทุเรียนหั่นชิ้นสำหรับจัดเสิร์ฟ
  6. สีผสมอาหาร สีเหลืองไข่

วิธีการทำตัวแป้ง

1. ผสมแป้งข้าวเหนียว กะทิสด และน้ำเปล่าค่อยๆนวดแป้งจนส่วนผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน

2. แบ่งแป้งออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน ส่วนแรกสีขาว ส่วนที่ 2 ผสมเนื้อทุเรียนและหยดสีผสมอาหารสีเหลืองไข่ ให้เข้ากัน 

3. นำแป้งบัวลอยสีเหลืองมาปั้นเป็นก้อนกลมแล้วแผ่ออก วางเนื้อทุเรียนที่หั่นไว้ลงในแผ่นแป้ง ปั้นแป้งให้มีลักษณะรี ๆคล้ายเนื้อทุเรียน คลึงแป้งสีขาวเป็นเส้นยาว ติดลงบนเนื้อแป้งสีเหลือง จัดทรงให้สวยงามมีรูปร่างคล้ายเนื้อทุเรียน แล้วนำไปวางใส่ถาดพักไว้ 

4. คลึงแป้งบัวลอยสีขาวให้เป็นก้อนกลม กดให้แบนเตรียมไว้ คลึงแป้งบัวลอยสีเหลืองให้เป็นก้อนกลมเล็กๆวางลงบนแป้งสีขาว ให้มีลักษณะคล้ายไข่ดาว

5. ตั้งน้ำให้เดือดนำแป้งบัวลอยลงต้ม พอแป้งลอยตักขึ้นใส่น้ำเย็นหรือหม้อน้ำกะทิ

ส่วนผสมน้ำกะทิ

  1. กะทิสด 500 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 50-60 กรัม
  3. น้ำเปล่า 100 กรัม
  4. เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
  5. ใบเตย 2 ใบ

วิธีปรุงน้ำกะทิ

  1. ใส่กะทิสด น้ำตาลทราย น้ำเปล่า เกลือป่นหยาบ และใบเตย ลงในหม้อนำขึ้นตั้งไฟกลางหรืออ่อน เคี่ยวไปเรื่อย ๆจนส่วนผสมเดือด แต่อย่าให้เดือดพล่าน กะทิจะแตกมัน พอใบเตยเปลี่ยนสีตักขึ้น ปิดไฟ ยกลง

วิธีจัดเสิร์ฟ

  1.  ตักแป้งบัวลอยและเนื้อทุเรียนใส่ถ้วย ราดด้วยกะทิ จัดเสิร์ฟ

ขนมบัวลอยเสียบไม้

บัวลอยเสียบไม้ดูคล้ายคลึงกับขนมดังโงะของญี่ปุ่น อาจจะเป็นเพราะว่าบางคนไม่อยากซดน้ำกะทิมากๆ บัวลอยเสียบไม้ถือเป็นทางเลือกอีกอย่างของคนที่อยากทานบัวลอยแต่ไม่อยากทานน้ำกะทิ

ส่วนผสมตัวแป้ง

แป้งข้าวเหนียว     3 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 9-10 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า15 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมของไส้

เผือกต้มสุก  
(หั่นชิ้น สี่เหลี่ยมลูกเต๋า ขนาด 1×1 เซนติเมตร)
1 ถ้วยตวง
แห้วต้มสุก      
(หั่นชิ้น สี่เหลี่ยมลูกเต๋า ขนาด 1×1 เซนติเมตร)
1 ถ้วยตวง
มันเทศต้มสุก      
(หั่นชิ้น สี่เหลี่ยมลูกเต๋า ขนาด 1×1 เซนติเมตร)
1 ถ้วยตวง
สีผสมอาหารสีชมพู,สีเขียว,สีเหลือง 

ส่วนผสมน้ำกะทิราดหน้า

  1. กะทิ 2 ถ้วยตวง
  2. แป้งข้าวเจ้า ½  ถ้วยตวง
  3. เกลือ 1 ช้อนชา
  4. น้ำตาล ½ ถ้วยตวง

วิธีปรุง

  1. ผสมแป้งข้าวเหนียวกับหัวกะทิ และน้ำเปล่าทีละน้อยจนหมด นวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อนนิ่มมือนวดต่อประมาณ 5 นาที
  1. แบ่งแป้งที่ได้ออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน นําแป้งผสมสีผสมอาหารสีชมพู สีเขียว และสีเหลือง ตามต้องการ
  1. นําแป้งสีชมพูปั้นเป็นก้อนกลม แผ่ออกหุ้มแห้วที่ต้มสุกแล้ว แป้งสีเขียวหุ้มมันเทศต้มและแป้งสีเหลืองหุ้มเผือกต้ม ปั้นเป็นก้อนกลมแล้วพักไว้
  1. ต้มน้ำให้เดือด นําแป้งแต่ละสีลงต้ม จนแป้งสุกลอย จากนั้นตักขึ้น แช่ลงในน้ำเย็น

วิธีจัดเสิร์ฟ
1. เมื่อจะเสิร์ฟ นําบัวลอยแต่ละสีเสียบไม้ให้สวยงาม จัดเรียงใส่จาน ราดหน้าด้วยซอสกะทิ

ขนมบัวลอยวิลาส

ขนมบัวลอยโดยทั่วไปจะปั้นตัวขนมด้วยแป้งข้าวเหนียว แต่ความแตกต่างของบัวลอยวิลาสคือการนำเม็ดสาคูมาแช่ในน้ำคั้นใบเตย หรือน้ำดอกอัญชันให้มีสีสวยงาม สามารถปั้นเป็นก้อนได้ และสอดไส้ด้วยแห้วหรือเผือกต้ม ตามแต่ความชอบ ทำให้ได้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่างไป 

ส่วนผสมตัวแป้งสาคู

  1. สาคู 200 กรัม (แบ่งครึ่ง) 
  2. น้ำอัญชัน 1 ถ้วยตวง (สีเข้ม) 
  3. น้ำอัญชัน 1 ถ้วยตวง (สีอ่อน)  
  4. แห้วต้ม และเผือกต้มหั่นเต๋า ตามชอบ

วิธีทำตัวแป้ง

  1. แบ่งสาคูเป็น 2 ถ้วย ใส่น้ำอัญชันที่เตรียมไว้ลงไป โดยสาคูถ้วยแรกใส่น้ำอัญชันสีเข้ม ลงแช่เป็นเวลา 20 นาที สาคูถ้วยที่สองใส่น้ำอัญชันสีอ่อนลงแช่เป็นเวลา 20 นาที
  1. เมื่อครบ 20 นาทีแล้ว นำสาคูไปกรองเอาน้ำออกให้สะเด็ดน้ำ 
  2. นำสาคูที่กสะเด็ดน้ำแล้วมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แผ่ออกแล้วใส่ไส้แห้วหรือเผือกที่เตรียมไว้ตามชอบ เมื่อปั้นสาคูครบแล้วพักไว้รอต้ม
  1. ตั้งน้ำให้เเดือด นำแป้งสาคูที่ปั้นแล้วลงต้ม เมื่อแป้งลอย ตักแป้งขึ้น แล้วใช้ตะแกรงตักขึ้นไปพักไว้ในน้ำเชื่อม 

คำแนะนำ : น้ำอัญชันที่ใช้ควรอยู่ในอุณหภูมิห้อง ถ้าหากน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นแป้งสาคูจะละลายและเกาะเป็นก้อน

: อัตราส่วนของน้ำเชื่อม น้ำอุ่น 3 ถ้วยตวงต่อน้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

: ใส่บัวลอยที่ต้มสุแล้วลงไปในน้ำเชื่อมจะทำให้สาคูบัวลอยไม่อืด  

ส่วนผสมน้ำกะทิ

         1. กะทิ 800 กรัม 

         2. ใบเตย 2 มัด 

         3. น้ำตาลโตนด 100 กรัม 

         4. น้ำตาลทราย 100 กรัม 

         5. เกลือ 1 ช้อนชา  

วิธีปรุงน้ำกะทิ

  1. นำหม้อใส่น้ำกะทิขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟกลางค่อนอ่อน เมื่อกะทิเริ่มร้อนให้ใส่น้ำตาลโตนด น้ำตาลทราย และเกลือลงไปคนให้เข้ากัน
  1. นำแป้งสาคูบัวลอยที่ต้มเตรียมไว้ใส่ลงในน้ำกะทิ ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนขูดลงไปแล้วคนให้เข้ากัน ต้มทิ้งไว้สัก 3 นาที แล้วยกลงจากเตาเตรียมจัดเสิร์ฟ

ขนมบัวลอยแก้ว

บัวลอยแก้วที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากตัวแป้งบัวลอยเมื่อต้มสุกจะมีลักษณะใส เนื้อสัมผัสหนึบ เหนียว สู้ฟัน เมื่อทานคู่กับน้ำกะทิมัน หอม จะได้รสชาติที่อร่อยแปลกออกไป

ส่วนผสมตัวแป้ง 

  1. แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วย
  2. แป้งข้าวเหนียว ¼ ถ้วย 
  3. น้ำมะพร้าว ⅓ ถ้วย 
  4. น้ำดอกอัญชันสีเข้ม ⅓ ถ้วย 
  5. น้ำดอกอัญชันสีอ่อน ⅓ ถ้วย  

วิธีทำตัวแป้ง

  1. นำส่วนผสมแป้งข้าวเหนียว และ แป้งถั่วเขียวผสมกันหลังจากนั้นแบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนหนึ่งผสมกับน้ำมะพร้าว อีกหนึ่งส่วนผสมน้ำดอกอัญชันสีเข้ม และส่วนสุดท้ายผสมน้ำดอกอัญชันสีอ่อน นวดส่วนผสมของแป้งแต่ละส่วนให้เข้ากันจนแป้งไม่ติดมือ
  1. นำแป้งบัวลอยแต่ละสีมานวด คลึงให้เป็นเส้นยาว ๆ ก่อนนำมีดมาตัดเป็นชิ้นให้ได้ความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร จากนั้นนำลงไปต้มในน้ำเดือดจัด และตักออกแช่ในน้ำเย็นพักไว้

ส่วนผสมน้ำกะทิ 

  1. กะทิ 1 ถ้วย 
  2. น้ำตาลทราย ⅓ ถ้วย 
  3. เกลือ 1 ช้อนชา
  4. แปะก๊วย 1 ถ้วย 
  5. เนื้อมะพร้าว 1 ถ้วย 
  6. ใบเตย  

วิธีปรุงน้ำกะทิ

  1. เทกะทิลงในหม้อ ตามด้วยใบเตย น้ำตาลทราย และเกลือ เคี่ยวจนกะทิเดือดและน้ำตาลทรายละลาย 

เข้ากัน

  1. ใส่แปะก๊วย และเนื้อมะพร้าวลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นยกออกจากเตา 

วิธีจัดเสิร์ฟ

  1. ตักแป้งบัวลอยที่ต้มพักไว้แล้วใส่ถ้วย และราดด้วยน้ำกะทิ เสิร์ฟขณะขนมอุ่น

วันนี้เราก็ได้นำเสนอวิธีการปรุงขนมบัวลอยสูตรเด็ด แป้งเหนียว นุ่ม หนึบ เสิร์ฟมาพร้อมน้ำกะทิหอม

มัน หวาน เค็ม กลมกล่อม ถึงแม้ว่าบัวลอยจะเป็นเมนูขนมที่หาทานได้ไม่ยาก แต่จะหาร้านที่อร่อย และพิถีพิถันในการปรุงได้ยาก บ้างก็หวานเลี่ยน บ้างก็แป้งไม่เหนียว หากอยากทานบัวลอยอร่อยๆ ใส่เครื่องจัดเต็ม หอมมันกะทิเข้มข้น ก็ลองทำตามสูตรที่เราแนะนำกันวันดูนะ รับรองเลยว่าเพื่อนๆจะต้องติดใจแน่ ๆ ก็ขอให้เพื่อนๆเพลิดเพลินกับการปรุง และการทานขนมบัวลอยกันนะ

อ้างอิง : https://www.wongnai.com/

อ่านบทความ : วิธีทำ ” ข้าวเม่าคลุกมะพร้าวอ่อน ” ขนมไทยโบราณ อร่อยมาตั้งแต่รุ่นย่า

LUNA666

UFABET เว็บหลัก

เว็บสล็อตแตกง่าย 2022 ไม่มีขั้นต่ำ

บทความล่าสุด

ขนมข้าวโพด มะพร้าวอ่อน ขนมหากินยาก รสชาติทานง่าย

ขนมข้าวโพด มะพร้าวอ่อน ขนมหากินยาก รสชาติทานง่าย

ขนมข้าวโพด สูตรมะพร้าวอ่อนอร่อย ๆ หวานมันมีความหนึบ ๆ กินได้เพลิน ๆ วิธีทำที่ไม่ยาก วัตถุดิบก็ไม่กี่อย่าง ลองทำกินกันดูได้เลย อร่อยแน่นอน

ข้าวเหนียวสังขยา ขนมไทยสูตรโบราณ กินเพลิน อยู่ท้อง

ข้าวเหนียวสังขยา ขนมไทยสูตรโบราณ กินเพลิน อยู่ท้อง

ข้าวเหนียวสังขยา อร่อย ๆ วิธีการทำที่ง่าย ๆ สร้างรายได้เสริมให้กับคุณได้อีกด้วย ใครชอบกินก็ลองทำดูได้เลย ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ

ชวนทำ กาละแม สูตรเผือก ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก

ชวนทำ กาละแม สูตรเผือก ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก

กาละแม เผือกเอาไว้ทานเล่น ๆ กินเพลิน ๆ กับคนในครอบครัว ทำได้ง่ายใช้วัตถุดิบไม่เยอะ แต่อาจจะกวนนานนิดหน่อย แต่รับรองว่าอร่อยสมเวลาแน่นอน 

สิ่งที่น่าสนใจ

ร้านอาหารอร่อย
kinkubsher

แฟชั่นผู้ชาย
maleextratoday

แบบบ้าน
baan-design

แต่งงาน
weddingdistrictfrance

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
liqinfo